ธรรมเนียมการส่งพวงหรีด เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2447 ได้รับอิทธิพลมาจากแถบยุโรป เป็นวัฒนธรรมการวางดอกไม้เพื่อแสดงความเคารพต่อทูตสวรรค์ที่จะมานำส่งวิญญาณของบุคคลที่เรารัก ให้ไปสู่สุคติ เมื่อวัฒนธรรมนี้แพร่หลายมาสู่ประเทศไทย จึงถือว่าการมอบดอกไม้ หรือพวงหรีด เป็นการแสดงความเสียใจและเคารพต่อผู้ที่จากไปแล้วนั่นเอง
นอกเหนือจากเหตุผลข้างต้นแล้ว พวงหรีดยังเป็นสิ่งที่จะช่วยคลายความโศกเศร้าของผู้คนภายในงานนั้นได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ พวงหรีดดอกไม้สีสันสดใส สวยงาม ที่ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณงานศพ จะช่วยให้บรรยากาศภายในงานไม่ดูหม่นหมองจนเกินไป ทำให้งานศพดูมีชีวิตชีวาและคลายความโศกเศร้าได้ดีนั่นเอง
ขณะเดียวกันก็มีผู้ให้ข้อมูล และข้อคิดเห็นในแง่ต่างๆ เกี่ยวกับพวงหรีด เช่น การใช้โฟมเพื่อตกแต่งพวงหรีดนั้น ก่อให้เกิดขยะจำนวนมาก ซึ่งค่อนข้างน่าเห็นด้วย เนื่องจากการประดับตกแต่งพวงหรีดแต่ละชิ้นจะต้องใช้โฟมค่อนข้างมาก เมื่อเสร็จสิ้นงานศพ พวงหรีดเหล่านั้นก็ถูกนำไปเผา โดยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ในทางวัตถุ ทั้งยังส่งผลให้ในแต่ละวัดมีขยะเกิดขึ้นจำนวนมาก จนเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อน
ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นจึงทำให้มีผู้ออกมารณรงค์ให้เลือกใช้พวงหรีดที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ เพื่อลดจำนวนขยะ และยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นอีกด้วย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่านอกจากพวงหรีดจะเป็นสิ่งสำคัญต่องานศพแล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า และเปรียบเสมือนเป็นการทำบุญไปพร้อมกับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้วนั่นคือ การใช้ประโยชน์จากพวงหรีดหลังจากเสร็จสิ้นงานศพนั่นเอง เนื่องจากในปัจจุบัน วิวัฒนาการของพวงหรีดก้าวไปไกลมาก มีการประดิษฐ์พวงหรีดในรูปแบบที่หลากหลายนอกเหนือจากพวงหรีดดอกไม้ซึ่งเป็นที่นิยมกัน หากอยากซื้อพวงหรีดให้ได้ประโยชน์ทั้งสองต่อ ทั้งเป็นการเคารพศพและทำบุญไปในตัวแล้ว เราขอแนะนำให้ท่านเลือกพวงหรีดที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น พวงหรีดพัดลม พวงหรีดผ้าแพร พวงหรีดผ้านวม หรือพวงหรีดต้นไม้นั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวงหรีดจะก่อให้เกิดประโยชน์ในภายหลัง หรือก่อให้เกิดขยะที่ตามมาหลังเสร็จสิ้นงานศพ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือจุดประสงค์ของผู้ให้ หากเรามีจุดประสงค์ที่ดี ตั้งใจนำพวงหรีดมาเพื่อเคารพศพผู้วายชนม์เป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่น สิ่งที่เราจะได้รับกลับมาภายหลังก็คือความสบายใจของเรานั่นเอง